ร้านไข่กะโหลกปัจจุบันยึดทำเลแหล่งท่องเที่ยวย้อนยุค เป็นทำเลทองในการเปิดร้าน ไม่ว่าจะเป็นที่อัมพวา ร้านแรกของไข่กระโหลกของ นายสุชาย บุญกล่อมจิตร หรือ ร้านที่สอง ที่ตลาดน้ำขึ้นชื่อดังอย่างตลาดน้ำอโยธยา ของ นาย ธนาพันธ์ นาคดี สองหุ้นส่วนสำคัญที่พลิกผันตัวเองจากนักออกแบบตกแต่งภายใน และ มัคคุเทศน์ หันมาเอาดีเป็นพ่อค้าขายไข่กระโหลก จนกลายเป็นเศรษฐีย่อยๆ มีรายได้เฉลี่ยหลายพันบาทต่อวัน
นาย ธนาพันธ์ นาคดี (ซ้าย) และนายสุชาย บุญกล่อมจิตร(ขวา) |
นายสุชายได้เล่าถึงที่มาของไข่กระโหลกว่า..
เกิดขึ้นมาจากเราสองคน ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องหันมาหาอาชีพอื่นๆ ที่สามารถสร้างรายได้ และมีเงินสดใช้จ่ายทุกวัน และเห็นว่าการขายอาหารการกินเป็นช่องทางที่ดี เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจ จะเป็นเช่นไร คนเราก็ต้องกิน ตอนแรกคิดทำข้าวไข่เจียวขาย แต่เห็นว่ามันไม่แปลก เพราะปัจจุบันมีคนทำข้าวไข่เจียวขายกันทั่วไป
จนกระทั่งได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น และเห็นขนมครกญี่ปุ่นน่าสนใจดี แต่ก็มีคนทำขายกันอยู่เป็นจำนวนมากในบ้านเราเช่นกันและไม่ใช่อาหารไทย ซึ่งไม่รู้ว่าคนไทยจะชื่นชอบแค่ไหน จึงเกิดความคิดว่า ทำไมเราไม่ประยุกต์นำข้าวไข่เจียว อาหารแบบไทยๆ มาประยุกต์ใช้วิธีการทำแบบขนมครกญี่ปุ่น ซึ่งถ้าเป็นข้าวไข่เจียวธรรมดาและนำมาห่อแบบขนมครกญีปุ่น มันก็ธรรมดาไปอีก จึงคิดทำไส้ขึ้นมา และใส่ลงในห่อไข่พร้อมกับข้าว ซึ่งใช้ข้าวผัดปรุงรส
หลังจากนั้น ปรุงรสด้วยซอสที่เราคิดค้นขึ้นมา เพิ่มรสชาติด้วย ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ และมายองเนส รองก้นด้วยกะหล่ำปรี ออกมาเป็นไข่กระโหลก เพิ่มความน่าสนใจ สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยกล่องที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษ ทำให้ไข่กระโหลก ดูทันสมัย และสะดวกแก่การซื้อกลับออกไปกินในสถานที่ต่างๆ
นายสุชาย ยังเล่าต่ออีกว่า สำหรับช่องทางการขาย เนื่องจากมองว่าอาหารในลักษณะนี้ ไม่ใช่อาหารที่ใครจะกินได้ทุกวัน เช่นเดียวกับอาหารหลายชนิด เช่น พิซซ่า ก็คงจะไม่มีใครกินได้ทุกวัน ดังนั้น ผมจึงมองตลาดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะคนมาเที่ยวจะหมุนเวียนเปลียนหน้ากันไปเรื่อย ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมีกำลังซื้อ และตั้งใจจะมาหาซื้อของฝากและของกินอยู่แล้ว
และที่เลือกแหล่งท่องเที่ยวแนวย้อนยุค เพราะต้องการจะนำเสนอไข่กระโหลกออกมาในแนวอาหารย้อนยุค ซึ่งคำว่ากระโหลกเป็นคำไทยโบราณที่สามารถเป็นตัวสื่อได้ โดยเปิดแหล่งแรกที่ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำอโยธยา ตลาดน้ำ 4 ภาคที่พัทยา และตลาดเพลินวา ที่หัวหิน และมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มในรูปแบบของแฟรนไชส์ เพราะต้องการจะกระจายสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเห็นว่าน่าจะเป็นช่องทางให้กับคนที่ต้องการจะมีอาชีพได้มีรายได้ และจากประสบการณ์ทีเราทำมาประมาณ 1 ปี พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถขายได้ ในระดับที่น่าพอใจ โดยส่วนของสาขาตลาดน้ำอโยธยา สามารถขายช่วงวันหยุดประมาณ วันละ 15,000 บาท ถึง 20,000 บาท ส่วนวันธรรมดา 3,000 บาท ถึง 5,000 บาท โดยเชื่อว่า จะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 - 3 เดือน ถ้าได้ทำเลที่ดี
สำหรับราคาแฟรนไชส์มีราคาเดียว 85,000 บาท ได้อุปกรณ์ในการขายครบชุดพร้อมคีออส และวัตถุดิบในการขายงวดแรก พร้อมถ่ายทอดสูตรการทำทั้งหมดให้ และหลังจากนั้น ลูกค้าแฟรนไชส์จะต้องซื้อวัตถุดิบจากเราในสัดส่วน 20 % คือ ตัวซอสปรุงรส เพื่อให้รสชาติเดียวกัน และกล่องเพื่อให้คงคอนเซ็ปต์เดียวกัน ส่วนวัตถุดิบอื่นๆ สามารถหาซื้อเองได้ แต่จะกำชับขอให้คัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี เช่นเดียวกับร้านต้นแบบเพื่อจะได้คุณภาพเดียวกันทุกสาขา
นี้ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพ ที่อาศัยแนวคิดต่าง จนเกิดรายได้ขึ้นมา ซึ่งจะให้ได้ว่า กว่าจะมาเป็นไข่กระโหลกแบบนี้ได้ ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ และความคิดต่างเป็นอย่างมาก สำหรับผู้ที่สนใจในแฟรนไชส์ดี ๆ แบบนี้ สมารถติดต่อได้ที่ :
โทร. 08 -9799 -3225
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น